showing effect of overhang without using support when printing 3D print with 3D filament, filament with sag due to gravity force
ห้อยเป็นเคราเชียว : Overhang

เรามาลองจินตนาการกันดูนะครับ ว่า การที่เครื่องพิมพ์ 3 มิติ พยายามพิมพ์เส้นพลาสติกที่หลอมละลายอยู่ลอยในกลางอากาศได้ —ดูแล้วเหมือนกับการเล่นมายากลไหมละ— นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อมีการพิมพ์ชิ้นงานที่มีลักษณะเป็นสะพาน (bridge) และส่วนที่ยื่นออกมา (overhangs)

close up view on nozzle of 3D printer to see 3d filament print over air as bridge  without using support
ปริ้นกลางอากาศกันไปเลย

การที่เส้นพลาสติกที่ถูกหลอมเหลวจะถูกพิมพ์ในลักษณะเหมือนกับการดึงยืดออกเพื่อเชื่อมระหว่างจุดสองจุดและถูกทำให้แข็งตัวด้วยความเย็นของอากาศ เป็นเหมือนกับการพิมพ์สะพานแขวนจิ๋วขึ้นมา แต่ถ้าเกิดเส้นพลาสติกไม่สามารถคงรูปอยู่ได้ ก็จะเกิดการตกลงมา ตามแรงโน้มถ่วงของโลก

ทำให้การพิมพ์ Bridges และ Overhangs เป็นสิ่งที่ท้าทาย สำหรับการพิมพ์ 3 มิติที่เป็นแบบใช้เส้น (Fused Deposition Modeling, FDM)

ไม่ใช่ว่า จะไม่สามารถพิมพ์ได้ เราจะต้องเรียนรู้เทคนิคบางอย่าง ที่จะช่วยให้เราสามารถต้านทานผลของแรงโน้มถ่วงนี้ได้

ทำไมเทคนิคการพิมพ์สะพาน (Bridge) กับ ส่วนที่ยื่นออกมา (Overhang) ถึงเป็นสิ่งท้าทายสำหรับ FDM

การที่เราจะพิมพ์ bridge และ overhangs ให้สำเร็จได้ ก็เปรียบเสมือนกับการทดสอบขีดจำกัดของเครื่องปริ้น 3 มิติ และบวกกับการมีความเข้าใจในคุณสมบัติวัสดุของเส้นพลาสติก

Overhang เป็นลักษณะของการพิมพ์ชั้นเลเยอร์ (layer) ที่ยื่นออกไปออกไป โดยจะมีบางส่วนที่ยังซ้อนทับกับเนื้อเลเยอร์เดิมที่อยู่ชั้นล่าง (Overlap layer) แต่ถ้าเนื้อเลเยอร์ที่ยื่นออกไปมากเกินไป จนกระทั่งแทบจะไม่มีเนื้อเดิมมารองรับ ตัวเนื้อพลาสติกก็จะเกิดอาการห้อยตัว และถ้ายิ่งยื่นออกไปมากเท่าไร ก็มีโอกาสที่จะย้อยลงไปได้ยิ่งขึ้น

Bridge เป็นการพิมพ์เส้นพลาสติกข้ามผ่านช่องว่างระหว่างจุดสองจุดโดยไม่มีฐานรองรับ

ถ้าเราเคยพิมพ์งาน 3D แล้วเจอว่าด้านล่างของชิ้นงานหย่อนคล้อยหรือเป็นเหมือนเส้นพาสต้า ไม่ต้องตกใจนะ นั่นคือปัญหาที่หลายคน ๆ ที่เริ่มต้นใช้งานเครื่องพิมพ์ 3D มักจะเจอกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการออกแบบที่มีชิ้นงานยื่นออกมา เช่น แขนที่ทำมุม 90 องศา (เหมือนด้านบนของตัว ‘T’) ชิ้นงานเหล่านี้มักจะหย่อนหรือย้อยลงมาโดยไม่มีที่ยึดรองรับ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้ง่ายถ้าไม่มี การเพิ่ม support

YHT rule help people using 3d print understand effect of bridge and overhang on model. To help how to design model when using 3dprint with 3d filament
Print YHT without support

กฎ “YHT” เป็นวิธีที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานเครื่องพิมพ์ 3D มือใหม่เข้าใจถึงพฤติกรรมของรูปทรงต่างๆ ในขณะที่พิมพ์

  • Y: ตัวอักษร “Y” สามารถพิมพ์ได้ดีเนื่องจากมุมทั้งหมดของมันอยู่ที่หรือต่ำกว่า 45 องศา จากแนวตั้ง ซึ่งหมายความว่าแต่ละชั้นมีการสนับสนุนจากชั้นที่อยู่ด้านล่าง เพื่อลดความเสี่ยงของการหย่อนคล้อย
  • H: ตัว “H” มีความท้าทายในระดับหนึ่ง เพราะมีสะพานแนวนอนตรงกลาง ส่วนนี้อาจจะมีการย้อยลงเล็กน้อย แต่ก็สามารถพิมพ์ได้โดยไม่ต้องใช้โครงสนับสนุนเพิ่มเติมหากระยะหว่างระยะจุดสองจุดไม่ได้กว้างมาก
  • T: ตัว “T” เป็นปัญหาเพราะมีการยื่นแนวนอนที่มุม 90 องศาซึ่งไม่สามารถขึ้นรูปได้ตามธรรมชาติ หากไม่ support ที่เหมาะสม ส่วนบนแนวนอนของ “T” จะล้มเหลวได้ง่าย ทำให้มีการย้อยลงหรือกลายเป็นเส้นๆ

การเข้าใจกฎนี้ช่วยให้สามารถออกแบบโมเดลที่เหมาะสมกับการพิมพ์ได้ดีขึ้นและตั้งค่า Support ที่เหมาะสมเมื่อจำเป็น

YHY rule with support to help for printing with quaility when using 3d printer with 3d filament

กฎ “45° overhang” – คือ การพิมพ์ส่วนที่ยื่นออกมา โดยที่มีความชันมากกว่า 45 องศาจากแนวตั้ง – มักทำให้เกิดการย้อยของพลาสติกและทำให้คุณภาพผิวที่ไม่ดี ไม่น่าแปลกใจเลย ที่หลายคน จะพบว่าการสร้างสะพานหรือส่วนที่ยื่นออกมาเป็นเรื่องท้าทาย – หากทำไม่ถูกต้องชิ้นงานของคุณอาจเปลี่ยนจากการออกแบบสวยงามเป็นกองของเส้นพลาสติกที่ย้อยลงมากลางอากาศได้เลยทีเดียว.

degree of overhang with compare from 30 degree to 70 degree. if more than 45 degree, layer bend

เคล็ดลับและเทคนิคการพิมพ์ Bridges และ Overhangs (How to)

ข่าวดี คือคุณสามารถเอาชนะการพิมพ์สะพานและส่วนที่ยื่นออกมาได้ด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง โดยการปรับตั้งค่าและใช้เคล็ดลับบางอย่าง เราก็จะสามารถพิมพ์รูปทรงที่ซับซ้อนซึ่งดูเหมือนจะต้านทานแรงโน้มถ่วงได้ นี่คือเคล็ดลับที่ใช้ได้จริงในการเอาชนะปัญหาสะพานที่ย้อยและส่วนที่ยื่นออกมาที่หย่อนคล้อย

1. ปรับแต่งการตั้งค่าการปริ้น

“พิมพ์ช้า”

การพิมพ์เร็วอาจทำให้เส้นพลาสติกวางตัวไม่ทันและไม่มีเวลาเย็นตัวลง ทำให้เกิดปัญหาเส้นพลาสติกเยิ้มเกาะกันเป็นกองใหญ่บนสะพาน การลดความเร็วในการพิมพ์จะทำให้แต่ละเส้นที่ถูกผลักออกมามีเวลามากขึ้นในการยึดติดและแข็งตัวก่อนที่หัวพิมพ์จะเคลื่อนไปยังจุดถัดไป ลองลดความเร็วในการพิมพ์ลงทีละขั้น

3D filament sag when print the shape as bridge, lower print speed lower sag
(ซ้าย) ปริ้น bridge ที่ความเร็ว 25 mm/s (ขวา) ปริ้น bridge ที่ความเร็ว 50 mm/s

– ตัวอย่างเช่น หากปกติคุณพิมพ์ที่ความเร็ว 50 มม./วินาที ลดลงมาเหลือประมาณ 20-30 มม./วินาทีสำหรับส่วนของสะพานและส่วนที่ยื่นออกมา การให้เวลาเพิ่มเติมนี้ช่วยให้พลาสติกเย็นตัวและตั้งตัวได้ที่จุดนั้นแทนที่จะย้อยลงมา.

(อย่างไรก็ตาม ต้องระวังอย่าให้ช้าเกินไปสำหรับสะพานที่ยาว – หากหัวพิมพ์เคลื่อนที่ช้าเกินไป เส้นพลาสติกอาจย้อยลงมาจากแรงโน้มถ่วงก่อนที่มันจะแข็งตัวได้ ค้นหาจุดที่เหมาะสมที่เส้นพลาสติก “ยืด” ข้ามช่องว่างโดยไม่ตกลงมา)

ลดอุณหภูมิของการพิมพ์ (Printing Temperature) หากหัวฉีดของคุณร้อนมากเกินไป เส้นพลาสติกจะออกมาเหลวและยังคงอยู่ในสภาพหลอมเหลวได้นานขึ้น – ทำให้มีโอกาสย้อยหรือติดกับหัวฉีดมากกว่าที่จะก่อรูปเป็นเส้นเรียบร้อยได้ โดยการปรับลดอุณหภูมิลงไม่กี่องศา พลาสติกจะมีความหนืดมากขึ้นเล็กน้อยและเริ่มต้นในการแข็งตัวเร็วขึ้น ทำให้สะพานหรือส่วนที่ยื่นออกมามีความแข็งแรงขึ้น

lower printing temperature help print bridge with low sag
ลดอุณหภูมิการปริ้นจาก 220 องศาเซลซียส (ขวา) ไปเป็น 190 องศาเซลเซียส จะช่วยให้ 3d filament สามารถเย็นตัวได้เร็วขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากคุณพิมพ์ PLA ที่อุณหภูมิ 210 °C ปกติ คุณอาจพิมพ์สะพานได้ดีขึ้นที่ 200 °C ควรรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงที่แนะนำสำหรับเส้นพลาสติกชนิดนั้นไว้ แต่พยายามเลือกใช้อุณหภูมิที่ต่ำกว่าเพื่อช่วยการพิมพ์ส่วนที่ยื่นออกมา วิธีนี้เส้นพลาสติกจะไม่ไหลเหลวเกินไปและจะแข็งตัวเร็วขึ้น (อย่าลดต่ำเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาการความร้อนไม่เพียงพอหรืออุดตัน – ทำการปรับเล็กน้อยและสังเกตให้แน่ใจว่าเส้นพลาสติกยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง)

ลด flow rate สำหรับการพิมพ์สะพาน เมื่อพิมพ์สะพาน การใช้เส้นพลาสติกมากเกินไปอาจทำให้เกิดการย้อยและหย่อนคล้อย หลายโปรแกรมสไลซ์ (slicer) มีการตั้งค่า “การไหลของสะพาน (bridge flow)” หรือ extrusion miltiplier setting – การลดค่านี้หมายความว่าเครื่องพิมพ์จะปริ้นเส้นพลาสติกที่บางลงเมื่อข้ามช่องว่าง สายเส้นที่บางกว่านี้จะแข็งตัวเร็วขึ้นและย้อยน้อยลงตามน้ำหนักของมันเอง มันคือ การลดอัตราการไหล (flow rate) เรากำลังป้องกันไม่ให้ “สะพานถล่ม” ขณะพิมพ์ ตรวจสอบการตั้งค่าการไหลของสะพานในโปรแกรมสไลซ์ (มักใช้ 80–90%) วิธีนี้จะยังคงสร้างสะพานที่เชื่อมต่อกัน แต่ด้วยเส้นที่เล็กกว่าแต่ไม่ย้อยเท่านั้น

พิมพ์ด้วยความหนาของชั้น (Layer height )ที่บางลงสำหรับส่วนที่ยื่นออกมา ความสูงของชั้นยังมีบทบาทต่อคุณภาพของส่วนที่ยื่นออกมาเช่นกัน ชั้นที่บางลง (เช่น 0.1 มม. แทนที่จะเป็น 0.2 มม.) หมายความว่าแต่ละชั้นใหม่เป็นปริมาณพลาสติกที่น้อยลงและได้รับรองรับจากชั้นที่อยู่ด้านล่างได้ดีขึ้น ส่วนของหน้าตัดใหม่สัมผัสกับชั้นก่อนหน้ามากขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ย้อยออกจากขอบ ชั้นที่บางกว่ายังเย็นเร็วขึ้นเนื่องจากปริมาตรที่น้อยลง ผลรวมคือคุณสามารถพิมพ์มุมที่ชันขึ้นได้สำเร็จด้วยความสูงของชั้นที่ละเอียด – บางผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าสามารถทำส่วนที่ยื่นออกมาได้ถึง 70° หรือมากกว่าและยังคงคุณภาพของการพิมพ์ได้ดีโดยการใช้ชั้นที่บางมากและระบบระบายความร้อนที่ดี

แต่สิ่งที่ต้องแลกมา กับการพิมพ์ด้วยชั้นที่บางลง คืออาจใช้เวลานานขึ้น แต่การปรับปรุงคุณภาพผิวด้านล่างของ overhang ก็ดูจะคุ้มค่านะ

layer height effect to quality of overhang. if lower layer height, it  can print more degree of overhang.
สมมติ เนื้อชิ้นงานที่มีส่วน overhang 45 องศา และความหนาของชั้น เริ่มต้นที่ 0.4 mm ถ้าเราลดความหนาของชั้นลง เป็น 0.2 mm โดยที่ overhang ยังเท่าเดิม ก็จะเพิ่ม การทับซ้อนของชั้นก่อนหน้านั้นได้ถึง 50%

โดยการปรับแต่งการตั้งค่า – ความเร็วที่ช้าลง, อุณหภูมิที่ต่ำลง, การลดการไหล, และชั้นที่บางลง – จะทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมสำหรับในการพิมพ์สะพาน เนื้อพลาสติกจะถูกวางลงอย่างระมัดระวังและจะแข็งตัวมากกว่าที่จะย้อยลงมา การปรับแต่งเหล่านี้ช่วยปรับปรุงโอกาสการพิมพ์สะพานให้ออกมาตรงและส่วนที่ยื่นออกมายังคงคมชัดอย่างมาก.

2. เพิ่มการระบายความร้อนเพื่อให้พลาสติกแข็งตัวได้เร็ว

หากมีสิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้การพิมพ์ bridge ให้สำเร็จหรือล้มเหลวได้ นั่นคือ การระบายความร้อน ทันทีที่เส้นพลาสติกออกจากหัวฉีด เราต้องการให้มัน แข็งตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อที่มันจะสามารถรองรับตัวเองกลางอากาศได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพัดลมระบายความร้อนของเครื่องพิมพ์ของเราเปิดอยู่และตั้งค่าไว้ที่ค่าสูงเมื่อพิมพ์สะพานหรือส่วนที่ยื่นออกมา

สำหรับการตั้งค่า ควรเริ่มต้นด้วย ความเร็วพัดลม 100% สำหรับการพิมพ์ด้วย PLA – หากพลาสติกยังคงอยู่ในสภาพหลอมเหลวนานเกินไป มันจะเพียงแค่เหมือนกับการย้อยตัวลงเหมือนการจมลงกลายเป็นกองพลาสติกเหลว แทนที่จะก่อรูปเป็นช่วงที่สวยงาม การพ่นลมเย็นช่วยเหมือนกับการ “แช่แข็ง” เส้นพลาสติกนั้นไว้ สิ่งนี้มีความสำคัญมากสำหรับ PLA ซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักครู่ในการระบายความร้อนและแข็งตัวอย่างสมบูร

fan and air cooling help print bridge and overhang with more quality.
การอกแบบท่อนำทางอากาศ ที่เหมาะสม ช่วยเน้นการระบายความร้อนไปยังที่ที่จำเป็นที่สุดได้เป็นอย่างดี

สังเกตการพิมพ์ของคุณเอาไว้ – หากคุณสังเกตเห็นว่าการใช้พัดลมสูงสุดทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ (เช่น ชั้นไม่ยึดติดกันหรือหัวฉีดอุดตันเนื่องจากระบายความร้อนมากเกินไป) เราอาจะต้องความเร็วมันมันลงเล็กน้อย

ตัวอย่างเช่น การระบายความร้อนสูงมากในการพิมพ์ที่มีขนาดเล็กอาจนำไปสู่การยึดติดกันของชั้นที่ไม่ดี วิธีแก้คือ ถ้าเกิดสังเกตเห็นปัญหาใดๆ เริ่มต้นด้วยพัดลมความแรงสูงสุด (100 %) แล้ว ลดลงทีละน้อย (5–10%)

วัตถุประสงค์คือการระบายความร้อนให้เส้นพลาสติกเพียงพอที่มันจะแข็งตัว ก่อน ที่แรงโน้มถ่วงจะดึงมันลงมา ด้วยการระบายความร้อนที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงความแตกต่างของวัสดุแต่ละชนิด: PLA ต้องการการระบายความร้อนที่แรง ในขณะที่ ABS (เส้นพลาสติกที่ใช้อุณหภูมิสูง) มักจะพิมพ์ด้วยพัดลมความเร็วต่ำหรือไม่ใช้เลยเพื่อป้องกันการบิดเบี้ยว (Warp) หากต้องการพิมพ์สะพานด้วย ABS คุณจำเป็นต้องหาจุดสมดุล – ใช้การระบายความร้อนพอประมาณเพื่อให้สะพานแข็งแรง แต่ไม่มากจนชิ้นงานบิดเบี้ยว สำหรับผู้เริ่มต้นที่ใช้ PLA หรือ PETG การเพิ่มการระบายความร้อนจะช่วยให้การพิมพ์ส่วนที่ยื่นออกมาและสะพานมีคุณภาพดีขึ้น

โดยสรุป พัดลมระบายความร้อน เป็นเหมือนกับเพื่อนที่ดีที่สุด สำหรับการจัดการพิมพ์กลางอากาศ

3. ใช้ Support (เมื่อจำเป็นเท่านั้น)

เมื่อวิธีอื่นไม่ได้ผล หรือเมื่อต้องจัดการกับส่วนที่เป็น overhang ที่มีความชันมาก ฟังก์ชัน Support จะสร้างโครงค้ำยันชั่วคราวที่สามารถถอดทิ้งได้ภายหลัง เครื่องพิมพ์จะสร้างโครงนี้ขึ้นใต้ส่วนที่ยื่นออกมาหรือสะพานเพื่อรองรับขณะทำการพิมพ์ โครงสร้างเหล่านี้ช่วยรองรับส่วนที่ย้อยลงมา

ประโยชน์ของ Support ที่เห็นได้ชัดคือ ช่วยแก้ปัญหาการห้อยตัวของเส้นพลาสติกจากแรงโน้มถ่วง ทำให้สามารถพิมพ์รูปทรงใดๆ ได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นงานที่มีสะพานกว้าง หรือส่วนที่ยื่นออกมาเกือบขนานกับพื้น (เช่น แขนของตัว “T”) การใช้ support จะช่วยให้แต่ละชั้นถูกพิมพ์อย่างถูกต้อง แทนที่จะต้องพิมพ์กลางอากาศ ในกรณีของตัวอักษร T

add support on T shape help to print without sag because of overhang
มี support ก็ช่วยให้อุ่นใจขึ้น ว่างานจะไม่เสียหาย

อย่างไรก็ตาม การใช้ Support มีข้อเสีย โดยมันทำให้เวลาในการพิมพ์เพิ่มขึ้น ใช้เส้นพลาสติกเพิ่มเติม และอาจทิ้งรอยเมื่อแกะออก และก็ไม่มีใครชอบที่ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ ในการจัดการกับวัสดุที่เป็น support หลังจากการพิมพ์เสร็จ แล้วอาจจะพบรอยตรงจุดที่ support สัมผัสกับโมเดล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีคำกล่าวที่ว่า

“ใช้โครงสนับสนุนเมื่อจำเป็น แต่หลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้”

กฎทั่วไปคือ

ใช้ support เฉพาะส่วนที่ยื่นออกมาที่มีมุมชันมากกว่า ~45°

หรือสะพานที่มีความยาวมากกว่าไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนที่มีมุมเอียงน้อยกว่านั้นควรจัดการได้ด้วยการตั้งค่าที่ดี ส่วนที่มีมุมชันมากขึ้นจำเป็นต้องใช้ support เพื่อให้พิมพ์ออกมาได้สวย

tree support on complicate shape model
รูปแบบที่ซับซ้อนซึ่งพิมพ์ด้วยโครงสนับสนุนที่เหมาะสม (โครงสร้างสนับสนุนแบบต้นไม้) ช่วยรับน้ำหนักส่วนห้อยอยุ่กลางอากาศ จะป้องกันไม่ให้ย้อยลงมาขณะพิมพ์ หลังจากนั้น สามารถถอดโครงสนับสนุนออกได้.

เมื่อคุณใช้ Support ให้พิจารณาเคล็ดลับเหล่านี้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น:

  1. ใช้ความหนาแน่น(Support Density) และตั้งค่าระยะห่างระหว่างผิวสัมผัสให้เหมาะสม (Top Z or Bottom Z distance): ช่วยให้การถอดโครงสนับสนุนออกง่ายขึ้นหลังจากพิมพ์เสร็จสิ้น.
  2. เปิดใช้งานคุณสมบัติเช่น ‘Interface layerts’ หรือโครงสนับสนุนแบบต้นไม้ (Tree): ช่วยให้การถอดโครงสนับสนุนออกเป็นไปอย่างง่ายดาย ลดความเสียหายต่อชิ้นงาน.
  3. ลองใช้ Support ที่สามารถละลายได้ หากเครื่องปริ้นสามารถใส่ได้หลายวัสดุ: เช่น Support จากวัสดุ PVA ซึ่งสามารถละลายในน้ำ ให้ผลลัพธ์ที่เรียบหลังการพิมพ์.
  4. ขั้นตอนสำหรับการทำความสะอาดหลังการพิมพ์: แม้ว่า support จะช่วยให้พิมพ์ได้ดี แต่ก็มักจะทิ้งรอยหรือส่วนที่ต้องได้รับการขัดเกลาเพิ่มเติม.

การเลือกใช้ support และตั้งค่าอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้สามารถพิมพ์รูปทรงที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการย้อยหรือการพังทลายของชิ้นงาน.

การวางแผนการใช้ support

โดยการวาง support เฉพาะที่จำเป็นต้องใช้เพื่อรองรับชิ้นงานให้แข็งแรงเท่านั้น และไม่ใส่ support ในส่วนที่ไม่จำเป็น จะช่วยประหยัดเวลาในภายหลังและปรับปรุงผิวสัมผัสของโมเดลส่วนที่เหลือให้ดีขึ้น

4. ปรับการวางตำแหน่งหรือการออกแบบโมเดล

หนึ่งในวิธีการจัดการกับส่วนที่ยื่นออกมาคือ การหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นในตอนแรก ดูแล้วก็เหมือนคำตอบแบบกำปั้นทุบดินนิดนึงนะ

เราสามารถปรับตำแหน่งโมเดลบน build plate โดยการหมุน หรือแบ่งมันออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้ลักษณะทุกอย่างพิมพ์ออกมาในมุมที่สะดวก

ลองคิดถึงวิธีที่ โมเดลวางบน buildplate : ถ้าส่วนที่ยื่นออกมาอยู่ด้านล่าง คุณสามารถหมุนวัตถุให้ส่วนที่ยื่นออกมาอยู่ในท่าตั้งตรงมากขึ้นได้หรือไม่? ตัวอย่างเช่น ส่วนที่ยื่นออกมา 90° ที่มีปัญหาอาจถูกเปลี่ยนเป็นส่วนที่ยื่นออกมา 45° โดยการพิมพ์วัตถุในมุม เพียงแค่เอียงหรือหมุนส่วนนั้นสามารถลดความจำเป็นในการใช้โครงสนับสนุนได้ โดยการรับประกันว่าไม่มีส่วนใดที่ใกล้เคียงกับแนวนอนเกินไป.

จำกฎ 45° เสมอ – หากส่วนที่ยื่นออกมาในโมเดลเกินประมาณ 45° จากแนวตั้ง ให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงทิศทางของมันหรือเพิ่ม support บางครั้งการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในการวางตำแหน่งโมเดลอาจเปลี่ยนส่วนที่ยื่นออกมาที่เป็นปัญหาใหญ่ให้กลายเป็นส่วนที่ยื่นออกมาเล็กน้อยที่สามารถพิมพ์ได้ดี.

ในกรณีของโมเดลที่มีความซับซ้อนมาก คุณอาจเลือกที่จะตัดโมเดลออกเป็นชิ้นๆ เพื่อพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ตัวแบบที่มีแขนยื่นออกมาตรงๆ อาจถูกตัดที่บริเวณไหล่; คุณพิมพ์แขนแยกต่างหาก (วางให้มีส่วนที่ยื่นออกมาน้อยที่สุด) แล้วต่อมันเข้าด้วยกันในภายหลัง วิธีการนี้ทำให้แต่ละชิ้นสามารถพิมพ์ได้แบบแนบสนิทหรือในมุมที่เหมาะสม ทำให้ช่วยลดส่วนที่เป็น overhang หลังจากนั้นจำเป็นต้องใช้กาวหรือการประกอบช่วย (ใช้กาวซุปเปอร์หรืออีพ็อกซี่)

วิธีนี้สามารถทำให้พิมพ์งานที่อาจจะยากที่จะพิมพ์ได้ คิดว่ามันเป็นการแบ่งการพิมพ์ออกเป็นปัญหาเล็กๆ ที่ง่ายต่อการแก้ไข

นอกจากนี้ เวลาออกแบบโมเดลให้พิจารณาลักษณะโครงสร้างที่เหมือน support ด้วยตัวมันเองได้ หรือที่เรียกว่า แชมเฟอร์ (Chamfers) หรือจะเป็นออกแบบที่ยอมมีมุมเอียงมารองรับส่วนที่ยื่นได้บ้างแทน จะพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น แทนที่จะมีขอบที่ทำมุมฉับพลัน 90° คุณอาจออกแบบแชมเฟอร์ที่มีมุม 45° ซึ่งการคิดถึงการออกแบบเพื่อการพิมพ์เช่นนี้ช่วยให้หลีกเลี่ยงปัญหาได้มาก.

สรุป: อย่ากลัวที่จะปรับตำแหน่งหรือออกแบบโมเดลของคุณเพื่อให้การพิมพ์ที่ดีขึ้น หากส่วนที่ยื่นออกมาบางส่วนทำให้คุณมีปัญหา ลองพิมพ์ชิ้นงานจากมุมที่แตกต่างกัน มันสามารถผลักขีดจำกัดของส่วนที่ยื่นออกมาได้มากขึ้นเมื่อรูปทรงเอื้ออำนวยให้คุณทำได้ การผสมผสานการวางตำแหน่งอย่างชาญฉลาดกับการปรับการตั้งค่าการพิมพ์ จะช่วยปรับปรุงผลลัพธ์ของคุณในการพิมพ์ได้อย่างมาก.

5. เลือกวัสดุให้เหมาะสมกับงาน

ในครั้งแรกที่เริ่มต้นการปริ้น 3 มิติ เราอาจจะยังไม่ได้สังเกตได้ว่า แต่ประเภทของเส้นพลาสติกที่ใช้ ก็ส่งผลต่อผลลัพธ์การพิมพ์สะพานและส่วนที่ยื่นออกมาได้

วัสดุต่างๆ มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน – บางชนิดมีถูกออกแบบให้สามารถพิมพ์กลางอากาศได้มากกว่า

สำหรับผู้เริ่มต้น PLA โดยทั่วไปเป็นวัสดุที่ง่ายที่สุดสำหรับการสร้างสะพานและส่วนที่ยื่นออกมา PLA เส้นพลาสติกมีจุดหลอมเหลวที่อุณหภูมิต่ำและแข็งตัวได้เร็ว ซึ่งหมายความว่าส่วนที่มีแนวโน้มจะย้อยนั้นแข็งตัวเร็วขึ้นและรักษารูปทรงได้ดีขึ้น PLA ยังมีความแข็งเมื่อมีการเย็นตัว ดังนั้นเส้นพลาสติกที่บางจะไม่ยืดหรือเสียรูปมากเกินไปภายใต้น้ำหนักของตัวเอง ทั้งหมดนี้ทำให้ PLA เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อคุณพยายามสร้างสะพานที่ซับซ้อนหรือส่วนที่ยื่นออกมาที่ชันสำหรับครั้งแรก.

แต่สำหรับ วัสดุเช่น ABS หรือ PETG อาจจะมีความท้าทายขึ้นไปอีกระดับ เพราะว่า ABS ยังคงอ่อนนุ่มที่อุณหภูมิสูงและมักจะบิดเบี้ยวหากถูกระบายความร้อนเร็วเกินไป ทำให้การพิมพ์ในส่วนของส่วนที่ยื่นออกมา จะต้องมีการปรับให้อย่างเหมาะสม – คุณมักจะไม่สามารถใช้พัดลม 100% ได้ และเส้นพลาสติกอาจย้อยมากกว่าก่อนที่จะแข็งตัว ทำให้การพิมพ์ bridge ทีมีระยะกว้างด้วย ABS นั้นยากกว่า : ทำให้เส้นพลาสติกยังคงร้อนและเป็นร่องง่ายกว่า และหากไม่มีการระบายความร้อนที่เพียงพอ (ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ใน ABS) คุณอาจเห็นการย้อยมากขึ้น

PETG มักจะมีโอกามีเส้นเล็กๆ บางๆ (string) ได้มาก บนส่วนที่ยื่นออกมาได้หากการตั้งค่าไม่สมบูรณ์แบบ เพราะมันยังคงมีความเหนียวเล็กน้อยขณะที่มันเย็นลง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเส้น (String) หรือย้อยบนส่วนที่ไม่ได้มี support

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ การปรับการตั้งค่าเช่น ความเร็วในการระบายความร้อน, อุณหภูมิปริ้น, และความเร็วในการพิมพ์ เป็นสิ่งสำคัญเมื่อทำงานกับ PETG

ทั้งสองวัสดุต้องใช้การพิจารณาการตั้งค่าการพิมพ์อย่างรอบคอบและอาจต้องปรับแต่งการออกแบบเพื่อลดความจำเป็นในการใช้ support และจัดการกับคุณสมบัติของวัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

ไม่ใช่ว่าไม่สามารถพิมพ์สะพานด้วย ABS หรือ PETG ได้ – มันก็สามารถทำได้ แต่จะต้องปรับการตั้งค่าให้ดีมากขึ้น หากเราเป็นผู้เริ่มต้น จะดีกว่าที่จะใช้ PLA เมื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสะพานและส่วนที่ยื่นออกมา เพื่อให้ได้เข้าใจเทคนิคได้ดีขึ้น และชำนาญการพิมพ์ด้วย PLA แล้ว เราก็จะสามารถลองใช้วัสดุอื่นๆ โดยรู้ว่าอาจต้องปรับเปลี่ยนบางอย่าง (ตัวอย่างเช่น PETG อาจต้องการการระบายความร้อนเพิ่มขึ้นและความเร็วในการพิมพ์ที่ช้าลงเพื่อให้ได้ผลการพิมพ์สะพานที่คล้ายกัน และ ABS อาจต้องใช้โครงสนับสนุนมากขึ้น)

เส้นพลาสติก TPU ที่ยืดหยุ่นมักจะยากที่สุดสำหรับการพิมพ์สะพานที่ไม่มีการสนับสนุน (พวกมันนุ่มมากจนไม่สามารถพิมพ์สะพานเองได้เลย – จะต้องใช้ support เกือบตลอดเวลาสำหรับวัสดุที่ยืดหยุ่นใดๆ ที่มีส่วนที่ยื่นออกมาอย่างมาก)

สรุปได้ว่าการเลือกวัสดุมีความสำคัญ: เริ่มต้นด้วยเส้นพลาสติกที่ใช้ง่ายเช่น PLA เพื่อฝึกฝนทักษะ ความเย็นเร็วและความแข็งของมันทำให้ PLA เหมาะสำหรับการเรียนรู้การพิมพ์กลางอากาศ เมื่อเรามีความรู้ที่มากขึ้น เราก็สามารถจัดการกับสะพานใน ABS, PETG และวัสดุอื่นๆ ได้โดยทำความเข้าใจว่า อาจจะต้องลดความเร็วในการพิมพ์ลงอีกหรือยอมรับการใช้ support นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เลือกเส้นพลาสติกที่เหมาะสม — เป็นอีกหนึ่งวิธีสำหรับการพิมพ์ที่ท้าทายแบบนี้.

บทสรุป: เอาชนะแรงโน้มถ่วงเพื่อการพิมพ์ 3 มิติที่สมบูรณ์แบบ

Bridge และ Overhang เป็นเทคนิคการพิมพ์ 3D ที่น่าทึ่ง แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์ แต่ก็สามารถทำได้จริงด้วยความรู้และการฝึกฝนพื้นฐาน สิ่งสำคัญที่เราได้เรียนรู้คือ

การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเส้นพลาสติก เพื่อให้มันคงรูปทรงตามที่ต้องการหลังจากพิมพ์ออกมา โดยไม่เสียรูปจากแรงโน้มถ่วงหรือปัจจัยอื่น การทำให้เย็นเร็วเพื่อแข็งตัวทันที การใช้ support เมื่อจำเป็น และการปรับตำแหน่งให้เหมาะสม ล้วนช่วยให้ชิ้นงานออกมาสมบูรณ์แบบตามที่ต้องการ

มาสรุปข้อควรจำที่สำคัญกัน:

  • Overhang ที่มากกว่าประมาณ 45° ****โดยทั่วไปจะต้องการการดูแล—ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งการตั้งค่าให้ดีขึ้นหรือการ support—เพื่อหลีกเลี่ยงการย้อยลงด้านล่างที่ไม่สวยงาม จำไว้เสมอว่าคำแนะนำ 45° เมื่อกำลังปรับตำแหน่งโมเดลหรือตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ support ใดๆ
  • Bridge ที่มีระยะห่างงที่กว้าง มันสามารถเป็นไปได้หากเครื่องพิมพ์ได้รับการตั้งค่าอย่างเหมาะสม ฺBridge ขนาดเล็ก (ไม่กี่มิลลิเมตร) มักสามารถพิมพ์ได้โดยไม่ต้องใช้ support เลย มันจะช่วยประหยัดวัสดุและเวลา สำหรับ bridge ที่ยาวกว่านั้น การปรับเปลี่ยนเช่นการใช้การระบายความร้อนสูง, อุณหภูมิที่ต่ำกว่า, และความเร็วที่ช้าลงจะช่วยลดการย้อยได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • การปรับแต่งการตั้งค่าการพิมพ์ (ความเร็ว, อุณหภูมิ, การไหล, ความสูงของชั้น) ช่วยเพิ่มคุณภาพอย่างมากสำหรับการพิมพ์สะพานที่ไม่มี support การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นพลาสติกขณะที่มันถูกพิมพ์ออกมา ส่งผลให้ลดจำนวนความล้มเหลวขณะพิมพ์ได้
  • Support เปรียบเสมือนนโยบายประกันภัย – เลือกใช้ support อย่างชาญฉลาดสำหรับกรณีที่พิมพ์ยากอย่างยิ่ง มันจะช่วยรับประกันความสำเร็จในการพิมพ์ส่วนที่ยื่นออก แม้ว่าจะต้องเสียเวลาในการเก็บงานอยู่บ้าง (poss-processing) แต่ว่า อย่าลังเลที่จะใช้ support หากมันสามารถให้ความแตกต่างระหว่างการพิมพ์ที่ล้มเหลวและการพิมพ์ที่สมบูรณ์แบบ
  • การเลือกวัสดุและการวางตำแหน่งชิ้นงานสามารถทำให้การพิมพ์ที่ยากกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้ การใช้ PLA และการจัดวางตำแหน่งโมเดลที่ดีสามารถทำให้คุณพิมพ์การออกแบบที่อาจจะเกือบเป็นไปไม่ได้หากใช้ ABS และมีการจัดวางตำแหน่งที่ไม่ดี คิดล่วงหน้าและตั้งค่าเราเอง (และเครื่องพิมพ์) สำหรับการพิมพ์

การปรับปรุงเทคนิคการพิมพ์ bridge และ overhang เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการได้รับผลงานพิมพ์ 3D ที่ดีขึ้น ไม่เพียงแต่ผลงานพิมพ์จะดูสะอาดขึ้นเท่านั้น (ไม่มีส่วนที่ห้อยหรือย้อยหรือช่องว่างที่ดูเหมือนเส้นใยอีกต่อไป) แต่คุณยังสามารถจัดการกับโมเดลที่ซับซ้อนขึ้นซึ่งก่อนหน้านี้เป็นไปไม่ได้ เราจะใช้เส้นพลาสติกที่เสียไปกับการพยายามที่ล้มเหลวน้อยลงและใช้เวลาในการขัดหรือทำความสะอาดพื้นผิวที่ยื่นออกมาที่หยาบน้อยลง

โดยสรุปแล้ว การเชี่ยวชาญทักษะเหล่านี้เปิดโอกาสใหม่ๆ ในโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์ – สามารถพิมพ์ปราสาทในจินตนาการที่มีทางเดินโค้งและระเบียงหรือแบบจำลองเครื่องบินที่มีปีกยื่นออกมาได้อย่างมั่นใจว่ามันจะไม่กลายเป็นพาสต้าพลาสติก

ด้วยการปรับใช้เคล็ดลับที่เราได้เรียนรู้มา กำลังเพิ่มโอกาสในการเอาชนะและควบคุมส่วนที่เคยเป็นปัญหาของการพิมพ์ 3 มิติ.

พร้อมที่จะพิมพ์เหมือนมืออาชีพหรือยัง? (ขั้นตอนต่อไปของคุณ)

ตอนนี้ถึงเวลานำความรู้นี้ไปใช้แล้ว ลองพิมพ์วัตถุสำหรับการตรวจสอบการตั้งค่า – เช่น การทดสอบส่วนที่ยื่นออกมาหรือโมเดลทดสอบการสร้างสะพาน – เพื่อดูว่าเครื่องพิมพ์ของคุณอยู่ที่ระดับใดในตอนนี้ สิ่งนี้จะให้ข้อมูลเบื้องต้นและชี้ให้เห็นว่าการปรับปรุงอะไรทำให้เกิดความแตกต่างมากที่สุด ปรับการตั้งค่าทีละอย่าง (เช่น เพิ่มความเร็วพัดลมหรือลดอุณหภูมิ) และสังเกตผลลัพธ์ คุณจะเห็นได้ว่าความสามารถของเครื่องพิมพ์ในการพิมพ์ส่วนที่ยื่นออกมาในมุมที่ชันขึ้นหรือสะพานที่เรียบตรงและสะอาดขึ้นในแต่ละครั้งที่ทำการทดลอง.

อย่ากลัวที่จะทดลอง แต่ละเครื่องพิมพ์และเส้นพลาสติกมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นจงหาการผสมผสานที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เช่น อาจจะพบว่าเครื่องของคุณสามารถจัดการกับส่วนที่ยื่นออกมา 60° ได้หลังจากที่คุณปรับการระบายความร้อนให้เหมาะสม หรืออาจจะค้นพบว่าการหมุนโมเดลเล็กน้อยช่วยลดความจำเป็นในการใช้ support ใด ๆ ทุกความสำเร็จจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคุณเพิ่มขึ้น.

สะพานและส่วนที่ยื่นออกมาไม่จำเป็นต้องเป็นอุปสรรคที่น่ากลัวอีกต่อไป ด้วยเทคนิคที่ได้กล่าวมาข้างต้น คุณมีแผนการที่มั่นคงในการจัดการกับพวกมัน – เลือกโมเดลที่มีส่วนที่ยื่นออกมาที่น่าสนใจหรือช่องว่างที่ใหญ่ และลองดู คุณจะประหลาดใจกับสิ่งที่เครื่องพิมพ์ 3D ของคุณสามารถทำได้เมื่อได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม ขอให้การพิมพ์ของคุณมีความสุข และขอให้สะพานของคุณแข็งแรงและส่วนที่ยื่นออกมาเป็นใจให้คุณเสมอ!

Leave a comment

Get the Book

The ultimate guide for creators: strategies, stories, and tools to help you grow your craft.

Be Part of the Movement

Every week, Jordan shares new tools, fresh perspectives, and creator spotlights—straight to your inbox.

Go back

Your message has been sent

Warning

Creator Rising: A Playbook for a Meaningful Creative Life is your guide to building
not only income, but a creative life
worth living.

Inside you’ll find systems for sharing your work, habits that fuel inspiration, and ways to grow without losing
the spark that makes you create in the first place.